วันอาทิตย์, พฤษภาคม 09, 2553

มีรูปไหนที่ดูแล้วน้ำตาไหลหรือเปล่า





วันนี้เป็นโหมดเรื่องส่วนตัว
จากความอัดอั้นตันใจ กับข้อมูลเท่าหางอึ่งที่เพียรสะสมมา

ช่วงนี้ออกมาทำเรื่องเกี่่ยวกับในหลวง
ถามว่าทำให้ใคร ทำเอาหน้า บ้าเจ้าหรืออย่างไร

ทำเพราะอยากทำ ตอบได้แค่นั้นเอง
อยากจะทำอะไรได้บ้าง แม้จะแค่เศษเสี้ยวก็ตามที
วันนี้จะเล่าเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับในหลวงสักนิดนึงค่ะ

ค่ำๆวันหนึ่ง ณ หอศิลป์วัฒนธรรม(ศาลากลางเก่า)
เชียงใหม่ เมื่อเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ ๖๐ ปี

ฉันได้ไปร่วมลงชื่อถวายพระพร พร้อมชมนิทรรศการ
เป็นครั้งแรกที่เห็นรูปนี้
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวชิ้นต้นๆ

ทูลกระหม่อม ๔ พระองค์
ทรงวางพระหัตถ์ขวาเรียงเทียบขนาดกันไว้
ทรงฉายภาพ
“พระหัตถ์ใหญ่พระหัตถ์เล็ก”
ที่ทรงวางเรียงลำดับไว้
เสมือนเป็นการทรงสมานสามัคคีระหว่าง
"ครอบครัว"


น้ำตาไหล ไม่รู้ตัว
บอกกับเพื่อนที่ไปด้วยข้างๆว่า

"ดูสิท่านรักกันขนาดนี้ ใครนะใครมาว่าท่านได้"

หลายเรื่องที่เราได้ยิน
กับสิ่งที่เราสัมผัสได้ด้วยใจ
ไม่ต้่องมีใครมาสั่งสอนให้ฉันพระเจ้าอยู่หัว
แต่ฉันก็รัก

เคยถามแม่ว่า ทำไมเด็กเดี๋ยวนี้เขาถึงไม่ค่อยรักในหลวงกัน
แม่บอกว่าเขาไม่ทันเห็น ว่าในหลวงท่านทำอะไรบ้าง
เขาอาจไม่เคยได้ดูข่าวพระราชสำนัก
เพราะทำอย่างอื่นอยู่

แต่แม่ฉันก็ไม่เคยสอนให้ฉันรักในหลวง

แต่ฉันรู้...ว่าไทยเรานี้
มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เป็นสถาบันหลักของชาติ

ไม่ใช่วัตถุกราบไว้

แต่ตามเพลงว่าไว้ ท่านคือเทวดาที่ยังมีลมหายใจ

แฟนกัน พิสูจน์ใจกันไม่ดี่ปี เรายังยอมรับได้ว่าเขาเป็นคนดี


แต่นี่หกสิบปีที่ท่านทำความดีกับคนไทยมาตลอด

ทำไมไม่พอให้บางคนรัก

ฉันเชื่อของฉัน และ ฉันรักในหลวงจับใจ

ขอเป็นคนเป็นมีเจ้าบ่าวมีนายไปอย่างนี้

ดีกว่าเป็นเสรีชนแต่ลืมราก

ไม่มีความคิดเห็น: