วันศุกร์, พฤษภาคม 07, 2553

”ไทยนี้รักสงบ” จริงๆ หรือ”อยากให้รบใจจะขาด”

       วันนี้ หลายๆคนคงได้อ่านข้อเขียนของ คุณ ริมโขง หนองคาย ณ.บล๊อคเนชั่น(

http://www.oknation.net/blog/vincentoldbook3 )

อ่านเผินๆแล้วเหมือนงานเขียนเชียร์นายก แต่หากลองอ่านอย่างละเอียด ก็จะได้มองเห็นอะไรบางอย่างที่เราอาจมองข้ามไปวันนี้แนนของข้ามประเด็น ฮั้วไม่ฮั้ว ไก่กาหรือไม่

เกินสติปัญญาน้อยนิดนี้จะตอบได้ ถ้าเรื่องนี้จะพูดได้ตามควมรู้สึกเลย

ขอแนะนำให้ไปอ่านของคุณเปลว สีเงิน  ณ ไทยโพสท์(

http://www.thaipost.net/news/070510/21878)คือขออนุญาติเชื่อใจผู้นำ เพราะถ้าไม่เชื่อเสียแล้ว เราจะยังไงต่อ

 จะให้ไปแข็งข้อเหมือนปีกเหลือง เห็นทีว่า บ้านนี้เมืองนี้คงสงบลงยาก

 และเมื่อตกลงกันได้แล้ว ก็ขออัญเชิญพี่น้องที่ราชประสงค์กลับบ้านเสียที

จะฮั้วอะไรกันก็อีกเรื่อง เพราะอย่างที่คุณเปลว



"ความจริง" ว่าปัญหาสังคมชาติทุกวันนี้แค่"แผนปรองดอง" ยังใช้แก้อะไรไม่ได้

แต่ช่วยให้ทุกคน-ทุกฝ่าย "ทำใจ" เพื่อผ่อนคลายไประยะหนึ่งเท่านั้น”

         

       มันไม่จบแค่นี้ คนที่พอสนใจการเมืองคงเข้าใจกันอยู่แล้ว

ว่านี่แค่ภาคหนึ่งเท่านั้น(มันไม่ใช่ภาคแรก)

เพราะเรื่องที่เกิดมันมันดำเนินมาเนิ่นนาน ตื่นเต้นบ้างไม่ตื่นเต้นบ้าง

 แต่ช่วงก่อนมันหัวใจจะวายเท่านั้นเอง

ดังนั้น หากจะใช้วิธีนี้พักรบ มันก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ

 

เพราะบางที ลึกๆก็สงสัยว่า . .”ไทยนี้รักสงบ” จริงๆ หรือ”อยากให้รบใจจะขาด”

กันแน่ ยอมรับว่าช่วงแรกๆของการรับข่าวสารนั้น

แนนเลือกข้าง เลือกสี ชัดเจน

หากแต่เมื่อลองทบทวนดูแล้ว สิ่งที่มันแอบแฝงภายใต้ที่เราเลือกกันไว้นั้น

เป็นเรื่องส่วนรวมจริงหรือไม่

อุดมการณ์นั้น มีจริงหรือ

หากลองนึกที่มาที่ไป ของ การเป็นมนุษย์นั้น ที่เราเหนือกว่าสัตว์อื่น

เพราะเรามีสติปัญญา ดังนั้น ทบทวนถึงเหตุถึงผลดู

 

 

  แน่นอน ยังเชื่ออยู่เสมอว่าคนไทยจำนวนมากไม่ว่าสี

ไหนยังคงมีความจงรักภักดี

ต้องการให้ในหลวงมีความสุข ยังเชื่อว่า

เมื่อวันที่ ๕ ที่ผ่านมา มีคนน้ำตาไหล

สิ่งที่เราจะต้องปกป้องในวันนี้คือสถาบัน

และต้องยอมรับให้ได้ด้วยว่ากระบวนการล้มล้าง/เปลี่ยนแปลงนั้น



มีอยู่จริง”  และมีในทุกสีเสียด้วยต่างแค่วิธีการเท่านั้น อย่าได้ตั้งอกตั้ใจเชื่อโดยไม่คิด มูลเหตุนั้นมันย่อมมี

 

 

ถ้าถามว่าเราทำอะไรได้

ก็คือคิดให้มากในการกลั่นกรอง

เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่สมเหตุสมผล

มิใช่เลือกจะเชื่อเฉพาะที่อยากเชื่อ

อยากให้มองเห็นว่า ทุกคน เป็นคน

วิธีใดที่จะทำให้สูญเสียน้อยที่สุด ก็ควรจะเลือกสิ่งนั้น

 

หรือความจริงแล้วเราไม่อยากรักกัน เราอยากทะเลาะกันอย่างนี้ต่อไป

 

แล้วใครจะได้ประโยชน์

 

ช่วงเวลานี้ควรเป็นช่วงเวลาแห่งสติ

ไปทบทวนดูว่าสิ่งที่ทำลงไป ทำอะไร ส่งผลอะไร

มีผลดีอะไร จริงหรือไม่

 

คิดถึงคำที่เราพูดบ่อยๆ รักพ่ออย่าทะเลาะกัน

แล้วทำไมเราหาเรื่องจะทะเลาะกันเรื่อยน้อ

 

 

ชอบ คำที่คุณ ริมโขง  บอกว่า

“วันนี้ประชาชนควรจะหันกลับมามองสังคมไทยโดยรวม ออกจากท้องถนน

กลับสู่บ้าน ..ให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลังความสามารถของเราในฐ

านะ

"ประชาชน" เพื่อสนับสนุนให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ขึ้นในชาติบ้านเมือง..

       การเมืองในอนาคตนับจากนี้ ..จะเป็นการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล

ไม่ใช่การผูกขาดอำนาจของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

ประชาชนต้องร่วมใจกันตรวจสอบมิให้เกิดอำนาจผูกขาดผ่านการเลือกตั้ง !!!..”

  

ลองกลับไปคิดดูละกันค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: