วันเสาร์, มิถุนายน 05, 2553

ขอร้องล่ะ อย่าเปิดตาข้างเดียวกันจะได้ไหม

ขอร้องล่ะ อย่าเปิดตาข้างเดียวกันจะได้ไหม

การปิดตาข้างเดียว แล้วเอาข้อมูลข้างเดียวมาขยายต่อ

ขอบ่นอีกซักที มันปวดใจ

ไม่รู้อะไรกันนักหนา



ฟากฝั่งหนึ่ง ก็ได้ข่าวมาตลอดมาว่า

คนในเมือง ไม่เห็นพวกเขาเป็นคน

ได้ข่าวว่า คนที่พวกเขารัก โดนรังแก จากคนที่พวกเขา “เคย”

รักเขาเข้าใจว่าพวกเขาโดน ทิ้ง โดนฆ่า โดนเหยียดหยาม

คุณว่ามัน “จริง” แค่ไหน ข่าวพวกนี้ เราเองก็ไม่รู้หรอก รู้แต่มันไม่ถูกทั้งหมดแน่

แต่พวกเขาก็เชื่อทั้งหมด บางคนเชื่อแล้วเศร้า แต่บางคนเศร้าแล้วสู้ บางคนไม่เศร้า

แต่ห้าว ไม่รู้อะไรมากนัก แต่บ้าดีเดือด(กลุ่มที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือมากที่สุด)



อีกกลุ่ม ก็ตั้งป้อมเหยียดหยาม ว่าฟากข้างต้นนั้น โง่เง่าเต่าตุ่น

ฟังความข้างเดียว ไม่รักชาติ หวังทำลายสิ่งที่เขารัก

Effect คือ การกระจายข้อความสาดเสีย เทเสียประนามบุคคลต่างๆ ทั้งๆที่ไม่เคยหาที่มาว่าคนคนนั้นเป็นใคร

ข้อความ FW ที่ได้มานั้น จริงหรือไม่ ไม่เคยสืบ ไม่เคยค้นเอาสะใจว่า ไม่สนใจว่าจะทำลายใคร เพียงเพราะเชื่อว่า

สิ่งที่ตนรู้นั้นจริง ใครที่ไม่เห็นด้วย(แม้แต่เล็กน้อย) มันผู้นั้นไม่รักชาติ

อุ๊บอิ๊บ ความรักชาติไว้เป็นของตนและคนที่เห็นด้วยกับตน “ทั้งหมด” เท่านั้น

(พวกนี้ เราไม่ได้หมายถึงสีใดสีหนึ่ง แต่เรารวมคนที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ไว้เป็นกลุ่มนี้)



อีกพวก เห็นว่าพวกแรกถูกรังแกและตัวเองเป็นผู้ผดุงความถูกต้อง

ไม่รู้แหละ ต้องปกป้องผู้ที่ถูกรังแกคนที่อยู่ตรงกันข้ามพวกแรก
ว่าพวกที่อยู่ตรงข้ามกับพวกแรกนั้นทำร้ายคนที่ด้อยกว่า

ลืมไปว่า พวกที่ปะปนอยู่กับพวกแรกนั้น ไม่ได้เป็นพวกถูกรังแก

แต่เป็นพวกบ่อนทำลาย(อย่าเถียงกันเชียวว่าไม่มี)



เราไม่ขอนับคน ที่ให้ข้อมูลกับคนทั้งสามฝั่งเพราะ

คนที่ให้ข้อมูลนั้น เราไม่รู้จริงๆ ว่าจุดมุ่งหมายคนพวกนั้นคืออะไร

แต่ที่อยากฝากซักนิด เราอยากให้เปิดตาอีกข้าง

ไม่อยากให้เหมารวม ทุกกลุ่ม อ้างรักชาติ

อ้างรักในหลวง แต่ยังคงใส่ร้าย ใส่ความ ให้กันและกัน

ไม่เคยคิดจะหาตื้นลึกหนาบาง มีแต่ข่าวว่าๆๆๆ

แล้วเราก็ทะเลาะกัน



“…กิจเฉพาะหน้าของเราทั้งหลายทุกคนที่จะต้องทำ ก็คือ

ต้องรับสถานการณ์อันวิกฤตนี้ด้วยใจอันมั่นคง ไม่หวั่นไหวและด้วยความรู้เท่าถึงการณ์
พร้อมกับร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติแก้ไขผ่อนหนักให้เป็นเบา ด้วยความสงบและพร้อมเพรียง ไม่ก่อความวุ่นวายให้สถานการณ์ยิ่งร้ายลงไปอีก ทุกฝ่ายจำเป็นต้องเข้าใจในกันและกัน
เห็นใจกัน เสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ร่วมกันอุ้มชูกันไว้
เหมือนดังที่ได้เคยอุ้มชูกันมาแต่กาลก่อน เมื่อรวมกันดังนี้
ก็จะเกิดพลังยิ่งใหญ่ ที่จะสามารถขจัดอุปสรรคขัดข้องทั้งปวงให้หมดสิ้นไปได้ในที่สุด…”

พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ ๒๕๑๖

ณ พลับพลาท้องสนามหลวง

วันจันทร์ ที่ ๓๑ธันวาคม ๒๕๑๖


“...ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้า

จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ

มั่นคง เป็นปกติสุข...”
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เนื่องในโอกาส เสด็จออกมหาสมาคม
ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย วันที่ ๕ ธันวามคม ๒๕๕๒





แล้วหลายท่าน ที่อ้างว่าสู้เพื่อในหลวง อ้างว่าปกป้องในหลวง

อ้างไปถึงความจงรักภักดี วันนี้ทำตามพระราชดำรัสได้หรือยัง?


....ไม่ต้องตอบเรา ตอบใจตัวเอง...


คงมีคนบอกว่าทีเราเองยังแปะข่าว กระจายข่าว

ข่าวสำหรับเราคือการอัพเดทข้อมูล

เราไม่เคยแปะข้อมูลข่าวที่เอียงข้างใดสุดกู่

(สังเกต ขวาสุด ซ้ายสุด ไม่เคยแปะ)

ส่วนเพื่อน หรือ เครือข่ายที่อยู่กับเราเราเชื่อว่ามีวิจารญาณในการวิเคราะห์ข้อมูล



ยังย้ำจุดยืน เราเองไม่ได้เป็นกลาง ยังมีอัคติ

แต่เราไม่เคยดูถูกใคร ไม่ได้ขอให้ใครมาคิดเหมือนเรา

เพียงแต่อยากให้เปิดตา อีกข้างของท่าน

เพราะการที่ต่างฝ่ายต่างปิดตาข้างหนึ่ง

ทำให้เรามีวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓



ต่อนี้จะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับพวกเราแล้ว ว่าจะเอาไงต่อ



จะตีกันต่อไป หรือจะแก้ไขปัญหา เลือกกันเองค่ะ



...สังเกตุไหม...๓๗ปีผ่านไป ปัญหาของประเทศไทยก็ยังเป็นเรื่องเดิม

ไม่มีความคิดเห็น: